Pages

Wednesday, September 9, 2020

ไทยภักดี : วรงค์ลั่นไม่มี “ม็อบชนม็อบ” ประกาศล่าชื่อประชาชนป้องขบวนการ “ล้มประชามติ” รัฐธรรมนูญ 2560 - บีบีซีไทย

supokia.blogspot.com

นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม์

กลุ่มประชาชนที่ใช้ชื่อว่ากลุ่ม "ไทยภักดี" เตรียมเดินสายทั่วประเทศเพื่อรณรงค์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 พร้อมประกาศล่ารายชื่อประชาชนให้ได้ 5 หมื่นชื่อเพื่อเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา

ในวันที่ 20 ก.ย. นี้ กลุ่มไทยภักดีจะจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ "ถามประชาชนหรือยัง" ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเชิญชวนชาว จ.สุราษฎร์ธานี และพัทลุง มาร่วมรับฟังในเวทีแรก ก่อนตระเวนไปพื้นที่อื่น ๆ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อแสดงพลังปกป้องสิทธิของประชาชนกว่า 16.8 ล้านคนที่ร่วมลงประชามติรับรัฐธรรมนูญปี 2560 และปกป้องเม็ดเงินราว 1.5 หมื่นล้านบาทที่คาดว่าต้องเสียไปหากมีการแก้ไขกติกาสูงสุดฉบับนี้

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี แถลงยืนยันว่าจะไม่เกิดภาพ "ม็อบชนม็อบ" เพราะการจัดกิจกรรมของทางกลุ่มจะเกิดขึ้นภายในห้องประชุมเพื่อให้ความรู้ประชาชนเท่านั้น

"หลายสื่อกังวลว่าเราจะจัดม็อบชนม็อบ ไม่มีเลยครับ ไม่อยู่ในหัวเลย หลักเราคือเอาความจริง เอา fact (ความจริง) ไปปะทะกับเฟค (ความเท็จ) นพ. วรงค์กล่าว

ประธานกลุ่มไทยภักดียืนยันว่า รัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหา แต่นักการเมืองต่างหากที่เป็นปัญหา พร้อมยก 5 เหตุผลที่ต้องเคลื่อนไหวคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

  • รัฐธรรมนูญปี 2560 ผ่านการลงประชามติด้วยคะแนน 16.8 ล้านเสียง ต่อ 10.5 ล้านเสียง ซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจทางตรงของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยที่ต้องเคารพ
  • ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องใช้งบประมาณถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมานักการเมืองหลายคนเคยวิจารณ์การจัดซื้อเรือดำน้ำว่าขณะนี้ประเทศกำลังวิกฤต ประชาชนยังอดอยาก จึงไม่ให้จัดซื้อเรือดำน้ำเพื่อดูแลผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศที่มีมูลค่าถึง 24 ล้านล้านบาท จึงไม่สมควรจะใช้งบ 1.5 หมื่นล้านบาทเพื่อกรณีนี้
  • คำถามพ่วงที่ปรากฏในบทเฉพาะกาล กรณีให้ ส.ว. ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นผลจากประชามติเช่นกัน โดยมีประชาชนเห็นชอบ 15.1 ล้านเสียง ต่อ 10 ล้านเสียง และเชื่อว่าไม่มี ส.ว. คนไหนจะฝ่าฝืนมติของประชาชน อย่างไรก็ต้องลงมติเลือกนายกฯ ที่มาจากพรรคที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ อีกทั้งใน 3 ปีนี้ ส.ว. ชุดปัจจุบันก็จะหมดวาระแล้ว
  • ขณะนี้มีบางพรรคการเมืองมีแนวทางชัดเจนว่าจะอภิปรายและนำไปสู่การแก้ไขหมวด 1 เพื่อเปลี่ยนแปลงความเป็นรัฐเดี่ยวของไทยเพราะมีแนวคิดแบ่งแยกประเทศ และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะเห็นว่า "ม็อบที่เกิดขึ้นมีนักการเมืองหนุนหลัง จึงเกรงว่าจะมีนักการเมืองอภิปรายยั่วยุ และถือโอกาสใช้เวทีสภาปลุกระดมประชาชน"
  • จากการศึกษาแนวคิดของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่พบว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ตรงไหน มีแต่ประโยชน์ของนักการเมือง
รัฐธรรมนูญ 2560

นพ. วรงค์เห็นว่า ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการทำลายหลักพื้นฐานของประชาธิปไตย เพราะรัฐธรรมนูญเพิ่งผ่านประชามติมาไม่กี่ปี มีผลบังคับใช้ได้ไม่นาน "อีกหน่อยถ้าแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ ขอโหวตใหม่ ๆ สังคมไทยก็อยู่ไม่ได้" และไม่มีประเทศไหนในโลกที่ทำประชามติแล้วขอทำประชามติใหม่ จึงเห็นว่าจำเป็นต้องให้รัฐธรรมนูญได้ทำงานด้วยตัวเองสักระยะ อย่างน้อยจนกระทั่งมี ส.ว. ชุดใหม่ที่มาจากการเลือกกันเองระหว่างกลุ่มอาชีพได้เข้ามาทำหน้าที่เสียก่อน หากมีปัญหาอะไรค่อยแก้ไข

ส่วนกรณีที่ ส.ว. บางส่วนส่งสัญญาณว่าพร้อม "ปิดสวิตช์" ตัวเอง ด้วยการยกเลิกอำนาจในการร่วมลงมติเลือกนายกฯ กับสภาล่าง ประธานกลุ่มไทยภักดีค์ติงว่า ส.ว. ก็ต้องเคารพประชาชนและเห็นหัวประชาชนที่อุตส่าห์ตัดสินใจให้อำนาจ ส.ว. ด้วยการผ่านคำถามพ่วง

"หาก ส.ว. ไม่เคารพประชาชนในเรื่องเหล่านี้ ก็ลาออกไปเลย" นพ. วรงค์กล่าว

การออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวของกลุ่มไทยภักดีในวันนี้ ถือเป็นการตอกย้ำ 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่ม ได้แก่ ต้องไม่ยุบสภา, ให้ดำเนินคดีกับแกนนำจัดการชุมนุมที่สนับสนุนการล้มล้างสถาบันฯ และไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยปราศจากฉันทามติจากประชาชน โดยเป็นจุดยืนที่สวนทางกับความเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

ส่วนกรณีที่นักศึกษากลุ่ม "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย. ภายใน ม.ธรรมศาสตร์ ก่อนเคลื่อนพลไปสนามหลวงเพื่อปักหลักค้างคืน และเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น ทางประธานกลุ่มไทยภักดีมองว่า "ไม่มีความชอบธรรม" ในการเคลื่อนไหว เพราะเหตุผลตามข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภายังไม่เพียงพอ อีกทั้งในระยะหลังมีการ "ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่ในฐานะที่ต่ำกว่ามาตรฐานของประชาชน" ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

ส่วนความเห็นต่อรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นพ. วรงค์บอกว่า "ยังไม่มีอะไรเลวร้ายจนต้องออกมาไล่" พร้อมวิเคราะห์ข่าวลือเรื่องรัฐประหารที่ออกมาว่าเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นมวลชนให้เกิดความรู้สึกว่าต้องออกมาช่วยกัน เพราะถ้าพิจารณาสถานการณ์ขณะนี้ ยังไม่มีจุดเขม็งเกลียวถึงขนาดต้องรัฐประหาร

อย่างไรก็ตามในวันที่ 19 ก.ย. จะไม่เห็นสมาชิกกลุ่มไทยภักดีปรากฏตัวสนามหลวงตามคำยืนยันของ นพ. วรงค์ แต่จะ "นั่งดูอยู่บ้าน" และย้ำว่ากลุ่มยังไม่มีแนวคิดจะจัดการชุมนุม และจะไม่มีการปะทะกับน้อง ๆ เพราะทุกคนคือลูกหลาน

รายงานการศึกษาของ กมธ. แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นรายงานของ กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ 2 เป็นรายงานของคณะอนุ กมธ. และส่วนที่ 3 เป็นการสรุปความคิดเห็นของประชาชนและนักศึกษา

วันเดียวกัน ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่ระหว่างพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

เนื้อหาของรายงานที่มีจำนวน 145 หน้า อ้างถึงมติของ กมธ. เสียงข้างมากที่เห็นควรให้แก้ไขมาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ยกเลิกเงื่อนไข ส.ว. 1 ใน 3 ต้องเห็นชอบด้วย แล้วเปลี่ยนเป็นใช้เสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภาแทน

Let's block ads! (Why?)


September 10, 2020 at 12:15PM
https://ift.tt/32famDy

ไทยภักดี : วรงค์ลั่นไม่มี “ม็อบชนม็อบ” ประกาศล่าชื่อประชาชนป้องขบวนการ “ล้มประชามติ” รัฐธรรมนูญ 2560 - บีบีซีไทย
https://ift.tt/2ZXuIAi
Home To Blog

No comments:

Post a Comment